นวัตกรรม ‘ยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้า และลดไขมันสะสมใต้ผิว’ ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุชนิดขั้วเดียว (Monopolar RF) ที่ 6.78 MHz ปล่อยพลังงานความร้อนที่มีระเบียบลงไปได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ (dermis) ที่มีคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบ รวมถึงเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิว (Subcutaneous layer) โดยสามารถปล่อยพลังงานได้ถึงระดับความลึก 4.3 mm การส่งผ่านพลังงานลงไปใต้ผิวหนัง เกิดเป็นความร้อนระดับ 40-55 องศาเซลเซียส ความร้อนที่ส่งผ่านเข้าไปจะทำการแยกโมเลกุลของน้ำออกจากเส้นใยคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจนหดตัว ส่งผลให้ผิวมีความกระชับขึ้น นอกจากนี้ ยังกระตุ้น Fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์หลักที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน จึงช่วยให้มีการกระตุ้นคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้เกิดการยกกระชับผิว (Tissue lifting) ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและลดริ้วรอย โดยไม่เป็นอันตรายต่อผิวบริเวณข้างเคียง อีกทั้งพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นยังลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนังช่วยสลายไขมันสะสมส่วนเกินบนใบหน้า เช่น แก้ม เหนียง ช่วยให้การปรับรูปหน้าเล็กเรียวเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น

จุดเด่นของเครื่อง Oligio รุ่นใหม่

  • หัวยิงขนาดใหญ่ (4 cm2) กระจายพลังงานได้ดี ใช้เวลาในการรักษาน้อย
  • ระบบตรวจวัดความต้านทานผิวได้อัตโนมัติ แบบ Real-time จึงทำให้พลังงานที่ส่งลงไปมีความเหมาะสมกับพื้นที่ในการรักษาแต่ละบริเวณ เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย
  • ระบบตรวจวัดอุณหภูมิผิวแบบ Real-time เพื่อความปลอดภัย
  • เซนเซอร์ตรวจวัดแรงกดเพื่อความปลอดภัยขณะทำการรักษา
  • ระบบความเย็น (Cryogen gas) เพื่อป้องกันผิวไหม้และลดความเจ็บขณะทำ
  • ระบบสั่น (vibration mode) เพื่อลดความเจ็บขณะทำ
Oligio ผ่านการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจาก องค์การอาหารและยาของ ประเทศเกาหลี (Korea FDA) และ ประเทศไทย

หลักการทำงาน Oligio

Oligio

รูปภาพจาก wtlaser.com

  1. Treatment tip is placed against the skin checking the impedance.
  2. Treatment begins with vibration (if enabled) and a cooling effect on the skin for comfort and safety of surface layers.
  3. Radiofrequency energy penetrates deep onto the skin’s tissue, heating the treatment areas and remodeling the collagen.
  4. Bursts of cryogen on the epidermis while deep heat continues to be delivered
  5. Final delivery of cryogen to cool the epidermis.

Oligio เหมาะกับผู้มีปัญหาดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับ ปรับรูปหน้าให้เรียวได้สัดส่วน
  • ผู้ที่ต้องการสร้างกรอบหน้า ให้ดูชัดขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างผิว กระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ให้ผิวเรียบเนียนและลดริ้วรอย กระชับผิว รูขุมขน
  • ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินบนใบหน้ามากเกินไป มีเนื้อแก้มเยอะ มีเหนียง หรือไขมันใต้คาง
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย บริเวณใบหน้า ลำคอ คิ้วตก หนังตาตก ขอบตาล่างหย่อนยาน ร่องแก้มลึก และ มุมปากตก ริ้วรอยรอบดวงตาและปาก
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวกระชับ แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ผลลัพธ์ของการทำ Oligio

  • ผลการยกกระชับหลังทำ ประมาณ 20-30% หลังจากนั้นสภาพผิวจะดีขึ้นเนื่องจากเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ เห็นผลเต็มที่ที่ 3 เดือน หลังจากการรักษา
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ขั้นตอนการทำ Oligio

  • ถอดเครื่องประดับที่เป็นโลหะทั้งหมดออก
  • ล้างทำความสะอาดเครื่องสำอาง
  • ฆ่าเชื้อบริเวณที่ทำการบำบัด
  • ติด Pad ที่บริเวณด้านหลังผู้ป่วย
  • ทา RF oligio oil บริเวณในบริเวณที่ต้องการทำเลเซอร์ให้ครอบคลุม
  • เริ่มการทดสอบจากระดับมาตรฐานแล้วตั้งระดับตามความรู้สึกระดับความเจ็บที่ทนได้แบบสบายของผู้ป่วย (โดยระดับความรู้สึกร้อนอยู่ที่คะแนน 3)
  • ทำการรักษาด้วยเลเซอร์ จะรู้สึกอุ่น ๆ ที่ใต้ผิวหนัง ซึ่งความรู้สึกนี้ จะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
  • ทำความสะอาดบริเวณที่ทำการรักษาด้วยน้ำอุ่น
  • เพื่อให้ผลการรักษาสูงสุดไม่แนะนําให้ใช้ความเย็นหลังการรักษา

ระยะเวลาในการทำ Oligio

  • การยกกระชับหน้าหรือคอ ใช้เวลาประมาณ 15 –20 นาที
  • Facial lifting แนะนำรักษาต่อเนื่องเพื่อคงผลการรักษาทุก 6-12 เดือน

การดูแลหลังทำ Oligio

  • ไม่เกิดบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • หลังการรักษาในบางรายอาจมีผิวแดงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็จะหายไปเองภายในไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง
  • ควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าอุณหภูมิปกติ
  • ดูแลผิวด้วยครีมกันแดดและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ปกติ
  • ควรหลีกเลี่ยงสัมผัสอากาศร้อนหรือเย็นจัดเป็นเวลานานๆ และควรปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด ที่มี SPF มากกว่า 30++ ทุกครั้ง

ข้อห้ามในการทำ Oligio

  • บุคคลที่ผิดปกติในการรับความรู้สึกร้อนเย็น
  • บุคคลที่มีบาดแผลบนใบหน้าหรือแผลเปิด มีการติดเชื้อในบริเวณที่จะทําการรักษา
  • บุคคลที่มีสิวที่รุนแรงหรือเรื้อรังบนใบหน้าหรือลำคอ
  • บุคคลที่มีการใส่เครื่องมือแพทย์ฝังไว้ในส่วนของ ร่างกายเช่นเครื่องกระตุ้นหัวใจดว้ยไฟฟ้า ขดลวดโลหะ การปลูกถ่ายในใบหน้าหรือ ลำคอ หรือการฝังอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคภายในร่างกาย
  • บุคคลที่มี Bio absorbable รากฟันเทียม
  • บุคคลที่มีโรคผิวหนังบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการรักษาบาดแผล

ข้อควรระวังในการทำ Oligio ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ

  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • เด็ก อายุต่ำกว่า 18 ปี
  • ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัสเริม
  • ผู้ป่วยที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด/ยาต้านการจับตัว เป็นก้อนของเลือด (anticoagulant)
  • ผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันตัวเองบกพร่อง
  • ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบหลอดเลือด หรือการแข็งตัวของเลือด
  • บุคคลที่มีโรคประจำตัว โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิต ที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้
  • บุคคลที่เคยได้รับอุบัติเหตุและมีการฝังเหล็ก หรือโลหะในบริเวณที่จะทำ
  • บุคคลที่มีการอักเสบ ติดเชื้อบริเวณที่ทำ หรือบริเวณใกล้เคียง
  • บุคคลที่ต้องกินยาต้านการอักเสบทุกวัน
  • บุคคลที่มีการร้อยไหมที่เป็นโลหะ เช่น ไหมทองคำ
  • บุคคลที่เคยได้รับการผ่าตัดบริเวณใบหน้า ควรเว้นระยะอย่างน้อย 6 เดือน –1 ปี
  • ในกรณีที่มีการร้อยไหมแบบชนิดละลาย ควรเว้นระยะในการทำอย่างน้อย 3 เดือน
  • ในกรณีที่มีการฉีดสารลดเลือนริ้วรอย (Botulinum toxin) และกลุ่มสารเติมเต็ม (Filler) ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • ในกรณีที่ได้รับการปลูกถ่ายผิวหนังหรือปลูกถ่ายไขมนัในบริเวณที่ทำการรักษาควรเว้นระยะอย่างน้อย 6 เดือน
  • ควรงดการทำการรักษาด้วยเลเซอร์หรือ เทคโนโลยีอื่นที่เพิ่มความร้อนสูงลงสู่ใต้ชั้นผิว

ผลข้างเคียงของการทำ Oligio

  • Edema (บวม): บริเวณที่ได้รับการรักษา ซึ่งอาการจะหายภายใน 1 สัปดาห์
  • Erythema (ผื่นแดง): บริเวณที่ได้รับการรักษา ซึ่งอาการจะหายภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
  • Tenderness (จุดเจ็บ): อาจจะมีจุดที่สัมผัสแล้วมีอาการเจ็บ อาการเหล่านี้จะหายภายใน 2 สัปดาห์
  • Bruising (ช้ำ): การช้ำเล็กน้อยที่อาจเกิดได้จากความเสียหายที่เกิดบริเวณเนื้อเยื่ออ่อน หรือหลอดเลือด ซึ่งอาจเกิดขึ้น เป็นครั้งคราวและดีขึ้นภายใน 2 ~ 3 สัปดาห์
  • Lump (ก้อนบวม, ก้อนนูน): มีสาเหตุมาจากการใช้พลังงานที่อาจจะสูงเกินไป และจะดีขึ้นหรือหาย ภายใน 2 สัปดาห์
  • Pain (ความเจ็บปวด): อาการเหล่านี้จะดีขึ้น และหายภายใน 2 วัน
  • Burn (ผิวไหม้): อาการเหล่านี้จะดีขึ้น และหายภายใน 2-4 สัปดาห์
  • จากงานวิจัยไม่พบการบาดเจ็บของเส้นประสาทอย่างถาวร