บมความ Botulinum Toxin ตัวช่วยยอดฮิตในยุคที่ไม่มีใครอยากแก่
ตัวช่วยชะลอวัยที่เราได้ยินกันบ่อยขึ้น ในยุคนี้ที่คนหันมาดูแลตัวเอง ไม่ยอมแก่ก่อนวัย ก็คือ โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) มีทั้งหมด 7 ชนิด แต่ชนิดที่ใช้ในด้านความงาม คือ โบทูลินัม ท็อกซิน ชนิด เอ ซึ่งมีกลไกการทำงาน คือ เจ้าโบทูลินัม ท็อกซินนี้จะเข้าไปจับที่ปลายประสาท ยับยั้งการหลั่งสาร Acetylcholine เพื่อไม่ให้สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ ซึ่ง Acetylcholine ตัวนี้จะทำให้กล้ามเนื้อบีบเกร็งตัว การบีบรัดตัวที่มากนี้เป็นสาเหตุของริ้วรอยเหี่ยวย่น ดังนั้นโบทูลินัม ท็อกซินจึงทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว สามารถลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและริ้วรอยที่เกิดจากกล้ามเนื้อบีบตัวได้ ริ้วรอยที่เกิดขึ้นก็จะหายไป

ตำแหน่งที่นิยมทำการฉีดโบทูลินัม ท็อกซิน

การใช้โบทูลินัม ท็อกซินเพื่อทำการรักษาริ้วรอย ได้แก่ รอยตีนกา รอยที่เกิดจากการขมวดคิ้ว (รอยหว่างคิ้ว) รอยย่นบริเวณหน้าผาก รอยเหี่ยวย่นบริเวณคอ
การใช้โบทูลินัม ท็อกซินเพื่อปรับรูปทรงของใบหน้าโดยอาศัยการทำงานของโบทูลินัม ท็อกซินที่ทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลง กล้ามเนื้อกรามจึงมีขนาดที่เล็กลง นั่นคือ สามารถเปลี่ยนรูปทรงของใบหน้าที่มีลักษณะสี่เหลี่ยมหรือขนาดที่ใหญ่ให้กลายเป็นใบหน้ารูปทรงตัววี (V-shape) ได้
การใช้โบทูลินัม ท็อกซินเพื่อช่วยลดปริมาณเหงื่อและกลิ่นตัวที่ร่างกายผลิตออกมาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น ใต้รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เป็นต้น โดยโบทูลินัม ท็อกซินจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทของเส้นใยประสาทที่ทำหน้าที่ในการสั่งงานให้ต่อมเหงื่อทำการหลั่งเหงื่อออกมาก ซึ่งการฉีดโบทูลินัม ท็อกซินเพียงครั้งเดียวจะสามารถยังยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อได้ประมาณ 1 ปี
การใช้โบทูลินัม ท็อกซินเพื่อยกกระชับใบหน้าที่เรียกว่า เมโสโบท๊อกซ์ (Mesobotox) หรือ เดอร์โมลิฟท์ (Dermolifting) คือการฉีดโบทูลินัม ท็อกซินลงในชั้นผิวหนังชั้นหนังแท้ จะทำให้เกิดฤทธิ์ของ dermotoxin ทำให้ผิวหนังหดตัว และยกกระชับขึ้นและยังช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวเพิ่มขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องการที่จะฉีดโบทูลินัม ท็อกซิน การประเมินก่อนการฉีด การให้ความรู้และวิธีปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดมีความสำคัญ ดังนั้นความเชี่ยวชาญและประสบการของแพทย์ที่ทำการฉีดให้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าฉีดในตำแหน่งที่เหมาะสมและปริมาณที่พอเหมาะจะมีความปลอดภัยสูง และช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แลดูเป็นธรรมชาติไม่แข็งเกร็งจนเกินไป สามารถแสดงสีหน้าได้ตามปกติ แต่ถ้าฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมหรือปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไป จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์หลังฉีด หรืออาจเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น คิ้วตก คอห้อย มุมปากเบี้ยว เป็นต้น

โบท็อกซ์ ฉีดตรงไหนได้บ้าง? กี่วันถึงจะเห็นผลลัพธ์
ฉีดโบท็อกซ์ มีแบบไหน ฉีดตรงไหนได้บ้างให้หน้าเป๊ะ!
เรื่องความสวยความงานในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ โดยเฉพาะการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) หรือ Botulinum toxin A อีกหนึ่งวิธียอดนิยม นวัตกรรมเพื่อลดริ้วรอยและปรับรูปใบหน้า สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่าง โบท็อกซ์ถือเป็นสารที่สกัดได้จากคลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) เป็นโปรตีนที่สกัดได้จากแบคทีเรีย ที่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดนั้นมีการคลายตัว ปัจจุบันมีการนำโบท็อกซ์มาใช้ทั้งวงการแพทย์และวงการเสริมความงามกันมากยิ่งขึ้น

สำหรับการฉีดโบท็อกซ์ ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการเสริมความงามเพราะช่วยให้ริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าลดลง หรือช่วยให้ผิวบริเวณที่ฉีดมีความกระชับได้มากยิ่งขึ้น โดยส่วนใหญ่ฉีดโบท็อกซ์เพื่อลบรอยตีนกา กระชับรูปหน้า กระชับผิวหนัง ที่สามารถเห็นผลได้รวดเร็ว

 

โบท็อกซ์ที่นิยมนำมาใช้ในการเสริมความงามมีแบบไหนบ้าง
ประเภทของโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยม และสถาบันเสริมความงามส่วนใหญ่นิยมใช้มี 2 ประเภทคือ
-American Toxin โบท็อกซ์จากประเทศอเมริกา โบท็อกซ์ที่เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับสาวๆ และสถาบันเสริมความงามเพราะ Botulinum toxin A เป็นสารที่ปลอดภัย เมื่อใช้ตามคำแนะนำของแพทย์
-Korean Toxin (Neuronox) โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับความนิยม จะมีราคาที่ถูกกว่าของอเมริกา
-โบท็อกซ์อังกฤษ (Dysport) โบท็อกซ์จากอังกฤษจะมีจุดเด่นที่เมื่อทำการฉีดแล้วจะมีการกระจายของตัวยาได้ทั่วถึง โดยต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ความระมัดระวังในการฉีด
-โบท็อกซ์เยอรมัน (Xeomin) โบท็อกซ์ที่ให้ผลค่อนข้างเป็นธรรมชาติตัวยาไม่กระจุกจนเกินไปและมีความบริสุทธิ์ของตัวยาที่สูง

โบท็อกซ์ ฉีดตรงไหนได้บ้าง?
-หน้าผาก

บริเวณหน้าผากจะมีรอยย่น ที่เกิดจาก การยักคิ้ว การขมวดคิ้ว เกิดเป็นเส้นรอยย่นที่ชัดเจนบริเวณหน้าผาก การฉีดโบท็อกซ์จึงเป็นการฉีดเพื่อแก้ไขปัญหารอยย่นพร้อมเป็นจุดที่ฉีดแล้วสามารถอยู่ได้นานกว่าจุดอื่น

-หางคิ้ว

บริเวณหางคิ้วถือเป็นอีกจุดที่หลายคนนิยมฉีดโบท็อกซ์กันเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลายคนพบปัญหาหางคิ้วตก ฉีดโบท็อกซ์ซ์บริเวณหางคิ้วจะช่วยให้หางคิ้วยกเชิดขึ้น

-รอบดวงตา และบริเวณตีนกา

ริ้วรอยรอบดวงตาและหางตาปัญหากวนใจของใครหลายๆ คน ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์จะช่วยให้รอยย่นเหล่านี้หายไป และใช้ยาในปริมาณที่ไม่มาก แต่ก็สามารถกลับมาเกิดการย่นได้เช่นเดิมเพราะเป็นส่วนที่บอบบางอีกทั้งคนเรามีกจะมีการยิ้มและหัวเราะอยู่เป็นประจำ

-โหนกแก้ม

หลายคนพบเจอกับปัญหาที่บริเวณโหนกแก้มที่มีขนาดใหญ่จนสามารถเห็นได้ชัด ฉะนั้นการฉีดโบท็อกซ์ถือเป็นตัวช่วยที่ทำให้บริเวณโหนกแก้มมีขนาดเล็กลง

-ปีกจมูก

บางคนมีรูปทรงจมูกความสวย มีความโด่งอยู่แล้ว แต่มักพบปัญหาบริเวณปีกจมูกที่อาจมีความใหญ่หรือไม่เข้ากับรูปหน้า การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยลดการทำงานของปีกจมูกทำให้ดูเล็กลงและได้รูปทรงมากยิ่งขึ้น

-กรามและบริเวณกรอบหน้า

นี่ถือเป็นจุดยอมนิยมในการฉีดโบท็อกซ์ เพราะช่วยปรับรูปหน้า ลดกราม ทำให้ใบหน้าของเรามีความเรียวสวยและเข้ารูปมากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยเสริมโครงหน้าให้มีมิติ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปริมาณของยา และบริเวณที่ต้องฉีดของแต่ละคน

การฉีดโบท็อกซ์ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน อีกทั้งสามารถฉีดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ฉีดโบท็อกซ์ กี่วันเห็นผล? โดยส่วนใหญ่แล้วหลังการฉีด ริ้วรอยเริ่มตึงขึ้นภายใน 3-4 วัน และเต็มที่คือ 7-14 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เห็นผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัย คือ ฉีดโบท็อกซ์แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน คำตอบคือฉีดโบท็อกซ์แล้วสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์

แหล่งอ้างอิง : https://www.samitivejchinatown.com/th/health-article/Botulinum-Toxin